ถ้าจะพูดถึงการปรับตั้งจักรยานให้มีความเหมาะสมกับตัวของเรานั้น ถือว่าเป็น
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่นักปั่นมือใหม่ ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก การปรับตั้งจักรยานเพื่อให้ตำแหน่งต่างๆ อย่างเหมาะสมแล้วจะทำให้ไม่ปวดหลัง ปวดก้น ปวดข้อมือ ไม่บาดเจ็บจากการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยให้เราปั่นจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตั้งจักรยานไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยแค่เพียงเราปรับตั้งความสูงของอาน ตำแหน่งของอาน ความสูงของแฮนด์ ตำแหน่งก้านเบรคมือให้ถูกต้องเหมาะสมนั่นเอง
คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้เราปรับตั้งจักรยานให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด ขอให้เริ่มทำทีละขั้นตอนเรียงลำดับไป แต่ถ้าหากไม่มั่นใจว่าจะปรับตั้งตำแหน่งของอาน และแฮนด์อย่างไร ให้ลองศึกษาจากคู่มือจักรยานที่เรามี หรือขอคำแนะนำจากผู้เชียวชาญหรือไม่ก็ไปที่ร้านจักรยานเพื่อให้ผู้เชียวชาญของร้านปรับแต่งให้ บทความนี้เป็นแค่เพียงการปรับตั้งในเบื้องต้นเพื่อให้เราร่างกายของเรารู้สึกสบายและสนุกไปกับการปั่นจักรยาน สำหรับนักปั่นมืออาชีพ หรือนักปั่นเพื่อการแข่งขัน อาจจะมีวิธีการและขั้นตอนละเอียดมากกว่านี้ซึ่งในบทความนี้ไม่ได้กล่าวถึง ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ
1. ความสูงของอาน
สำหรับจักรยานพับได้ เรื่องระดับความสูงของอานสำคัญอย่างยิ่งเพราะเมื่อเวลาเราพับเก็บจักรยานเราจะต้องปรับความสูงของอ่านให้ต่ำที่สุด
เพื่อที่จะสามารถพับเก็บได้ และจะต้องปรับความสูงอานจะต้องทำทุกครั้งเมื่อมีการกางจักรยาน
ให้เพื่อนเราช่วยจับจักรยาน หรืออาจจะใช้กำแพงเป็นที่พึ่งพิง (กรณีไม่มีใครคบ) โดยให้นั่งบนอานให้ดีแล้วใช้ “ส้นเท้า” (ข้างใดข้างหนึ่ง) เหยียบบันไดและปั่น(ถอยหลัง)เพื่อให้บันไดอยู่ในตำแหน่งต่ำสุด ขาของเราจะต้องเหยียดตรงขนานกับหลักอาน และเมื่อวางต่ำแหน่งเท้าปกติ (ฝ่าเท้าช่วงบน) หัวเข่าของเราจะต้องงอเล็กน้อย (การปั่นที่ถูกต้องจะไม่ใช้อุ้งเท้าหรือฝ่าเท้าช่วงกลางในการถีบบันได แต่จะใช้ฝ่าเท้าช่วงบนถีบบันได) และเราจะต้องสามารถยืนด้วยปลายเท้าทั้งสองข้างบนพื้นได้ (ไม่ใช่ยืนเต็มเท้า) หากเราต้องขยับก้นหรือเอียงตัวเพื่อให้สามารถเหยียดขาให้ตึงแสดงว่าอานอยู่ในตำแหน่งที่สูงไป ซึ่งหากปั่นไปสักระยะจะทำให้เราปวดเอวได้ และเช่นเดียวกันหากเราเหยียดขาไม่ตึงขนานกับหลักอานแสดงว่าตำแหน่งอานต่ำไป เมื่อตำแหน่งอ่านต่ำไปหากปั่นไปสักระยะจะทำให้รู้สึกปวดล้าที่เข่า การปรับความสูงของอานเราต้องคำนึงด้วยว่ารถของเราปรับได้สูงสุดแค่ไหน เพราะหากปรับเลยตำแหน่งสูงสุดอาจจะเกิดอันตรายระหว่างการปั่นได้(หลักอานหัก) แต่หากว่าตำแหน่งสูงสุดแล้วก็ยังไม่เหมาะกับเรา คงต้องเปลี่ยนจักรยานให้ใหญ่ขึ้น เมื่อเราได้ตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วให้ทำเครื่องหมายหรือจดจำตำแหน่งความสูงของอานของเราเอาไว้ เพื่อที่การกางจักรยานในครั้งหน้าจะได้ปรับต่ำแหน่งได้รวดเร็วขึ้น
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่นักปั่นมือใหม่ ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก การปรับตั้งจักรยานเพื่อให้ตำแหน่งต่างๆ อย่างเหมาะสมแล้วจะทำให้ไม่ปวดหลัง ปวดก้น ปวดข้อมือ ไม่บาดเจ็บจากการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยให้เราปั่นจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตั้งจักรยานไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยแค่เพียงเราปรับตั้งความสูงของอาน ตำแหน่งของอาน ความสูงของแฮนด์ ตำแหน่งก้านเบรคมือให้ถูกต้องเหมาะสมนั่นเอง
คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้เราปรับตั้งจักรยานให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด ขอให้เริ่มทำทีละขั้นตอนเรียงลำดับไป แต่ถ้าหากไม่มั่นใจว่าจะปรับตั้งตำแหน่งของอาน และแฮนด์อย่างไร ให้ลองศึกษาจากคู่มือจักรยานที่เรามี หรือขอคำแนะนำจากผู้เชียวชาญหรือไม่ก็ไปที่ร้านจักรยานเพื่อให้ผู้เชียวชาญของร้านปรับแต่งให้ บทความนี้เป็นแค่เพียงการปรับตั้งในเบื้องต้นเพื่อให้เราร่างกายของเรารู้สึกสบายและสนุกไปกับการปั่นจักรยาน สำหรับนักปั่นมืออาชีพ หรือนักปั่นเพื่อการแข่งขัน อาจจะมีวิธีการและขั้นตอนละเอียดมากกว่านี้ซึ่งในบทความนี้ไม่ได้กล่าวถึง ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ
1. ความสูงของอาน
สำหรับจักรยานพับได้ เรื่องระดับความสูงของอานสำคัญอย่างยิ่งเพราะเมื่อเวลาเราพับเก็บจักรยานเราจะต้องปรับความสูงของอ่านให้ต่ำที่สุด
เพื่อที่จะสามารถพับเก็บได้ และจะต้องปรับความสูงอานจะต้องทำทุกครั้งเมื่อมีการกางจักรยาน
ให้เพื่อนเราช่วยจับจักรยาน หรืออาจจะใช้กำแพงเป็นที่พึ่งพิง (กรณีไม่มีใครคบ) โดยให้นั่งบนอานให้ดีแล้วใช้ “ส้นเท้า” (ข้างใดข้างหนึ่ง) เหยียบบันไดและปั่น(ถอยหลัง)เพื่อให้บันไดอยู่ในตำแหน่งต่ำสุด ขาของเราจะต้องเหยียดตรงขนานกับหลักอาน และเมื่อวางต่ำแหน่งเท้าปกติ (ฝ่าเท้าช่วงบน) หัวเข่าของเราจะต้องงอเล็กน้อย (การปั่นที่ถูกต้องจะไม่ใช้อุ้งเท้าหรือฝ่าเท้าช่วงกลางในการถีบบันได แต่จะใช้ฝ่าเท้าช่วงบนถีบบันได) และเราจะต้องสามารถยืนด้วยปลายเท้าทั้งสองข้างบนพื้นได้ (ไม่ใช่ยืนเต็มเท้า) หากเราต้องขยับก้นหรือเอียงตัวเพื่อให้สามารถเหยียดขาให้ตึงแสดงว่าอานอยู่ในตำแหน่งที่สูงไป ซึ่งหากปั่นไปสักระยะจะทำให้เราปวดเอวได้ และเช่นเดียวกันหากเราเหยียดขาไม่ตึงขนานกับหลักอานแสดงว่าตำแหน่งอานต่ำไป เมื่อตำแหน่งอ่านต่ำไปหากปั่นไปสักระยะจะทำให้รู้สึกปวดล้าที่เข่า การปรับความสูงของอานเราต้องคำนึงด้วยว่ารถของเราปรับได้สูงสุดแค่ไหน เพราะหากปรับเลยตำแหน่งสูงสุดอาจจะเกิดอันตรายระหว่างการปั่นได้(หลักอานหัก) แต่หากว่าตำแหน่งสูงสุดแล้วก็ยังไม่เหมาะกับเรา คงต้องเปลี่ยนจักรยานให้ใหญ่ขึ้น เมื่อเราได้ตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วให้ทำเครื่องหมายหรือจดจำตำแหน่งความสูงของอานของเราเอาไว้ เพื่อที่การกางจักรยานในครั้งหน้าจะได้ปรับต่ำแหน่งได้รวดเร็วขึ้น
2. ตำแหน่งของอาน
ให้เราขึ้นไปนั่งบนอานให้ดี (อาจต้องอาศัยเพื่อนหรือกำแพงอีกตามเคย) วางเท้าปกติสำหรับการปั่น (สังเกตุจากรูป นักปั่นจะใช้ฝ่าเท้าช่วงบนเหยียบบันได) และให้ถีบบันได(ถอยหลัง)ให้ขาบันไดขนานกับพื้น ตำแหน่งที่เหมาะสมคือปลายเข่าของเราจะต้องตรงกับแกนกลางของบันไดในแนวดิ่ง ตามรูปด้านบนจะเห็นว่าแนวเชือกจากปลายเข่าจะดิ่งตรงลงมาที่แกนบันไดซึ่งถือเป็นต่ำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
ให้เราขึ้นไปนั่งบนอานให้ดี (อาจต้องอาศัยเพื่อนหรือกำแพงอีกตามเคย) วางเท้าปกติสำหรับการปั่น (สังเกตุจากรูป นักปั่นจะใช้ฝ่าเท้าช่วงบนเหยียบบันได) และให้ถีบบันได(ถอยหลัง)ให้ขาบันไดขนานกับพื้น ตำแหน่งที่เหมาะสมคือปลายเข่าของเราจะต้องตรงกับแกนกลางของบันไดในแนวดิ่ง ตามรูปด้านบนจะเห็นว่าแนวเชือกจากปลายเข่าจะดิ่งตรงลงมาที่แกนบันไดซึ่งถือเป็นต่ำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
หากไม่ตรงให้ทำการคลายน๊อตที่ยึดอานกับหลักอานแล้วค่อยๆ ใช้มือจับที่อานเลื่อนเข้าเลือกออกจนกว่าจะได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง (ให้ลองขยับทีละน้อยๆ) และเช่นเคย เราต้องทำเครื่องหมายหรือจดจำตำแหน่งของอานที่เหมาะกับเราเอาไว้ (ในกรณีที่จักรยานคันนี้มีคนใช้หลายคนก็ต้องจำของใครของมัน) การคลายน๊อตยึดอานจักรยานแต่ละรุ่นอาจจะไม่เหมือนกัน ขอให้ศึกษาจากคู่มือรถจักรยาน หรือปรึกษาผู้เชียวชาญ
3. มุมก้มมุมเงยของอาน
มุมก้อมเงยของอานจักรยานสามารถปรับได้เช่นเดียวกัน ไม่มีกฏตายตัวว่าต้องปรับระยะใดหรือมุมใดที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วให้เริ่มต้นปรับมุมของอานให้ขนานกับพื้นก่อน หากท่านรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด หรือต้องมีขยับก้นไปข้างหน้าหรือถอยหลังในขณะปั่นบ่อยๆ ลองปรับให้อ่านก้มลงหรือเงยขึ้นจนเรารุ้สึกสบายมากที่สุด เช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 2 คือให้คลายน๊อตแล้วใช้มือค่อยๆ ปรับมุมก้มมุมเงยของอาน
มุมก้อมเงยของอานจักรยานสามารถปรับได้เช่นเดียวกัน ไม่มีกฏตายตัวว่าต้องปรับระยะใดหรือมุมใดที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วให้เริ่มต้นปรับมุมของอานให้ขนานกับพื้นก่อน หากท่านรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด หรือต้องมีขยับก้นไปข้างหน้าหรือถอยหลังในขณะปั่นบ่อยๆ ลองปรับให้อ่านก้มลงหรือเงยขึ้นจนเรารุ้สึกสบายมากที่สุด เช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 2 คือให้คลายน๊อตแล้วใช้มือค่อยๆ ปรับมุมก้มมุมเงยของอาน
4. ความสูงของแฮนด์
ตำแหน่งความสูงของแฮนด์ก็มีความสำคัญของจักรยานพับอีกเช่นกัน เพราะต้องมีการปรับตำแหน่งทุกครั้งที่มีการพับเก็บหรือกางออก สำหรับจักรยานพับที่ปรับความสูงของแฮนด์ไม่ได้ ท่านอาจจะต้องซื้ออุปกรณ์ “สะเต็ม” เพื่อปรับหาตำแหน่งของแฮนด์ที่เหมาะกับตัวเรา แต่หากเราไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องซื้อมาใส่
ระดับความสูงของแฮนด์จักรยานจะเกี่ยวข้องกับท่าทางการปั่นของเราหรือมุมการก้มหรือเงยของลำตัวของเราในขณะปั่น มุมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และขึ้นอยุ่กับความเหมาะสมของสภาพการปั่น เช่นหากปั่นสบายๆ กินลมชมวิว อาจจะปรับให้สูงหน่อยเพื่อให้หลังตรงในขณะปั่น (ไม่ปวดหลังแต่อาจจะปวดก้นหากปั่นระยะทางไกล) แต่หากต้องการความเร็วก็ให้ปรับระดับแฮนด์ให้ต่ำเพื่อให้ร่างกายเราก้มต่ำเพื่อลู่ลมตามหลักแอโร่
ไดนามิกคล้ายๆ นักปั่นเสือหมอบ (แต่อาจจะทำให้ปวดคอได้)
การปรับความสูงก็แค่เพียงปลดล๊อกคอแฮนด์ แล้วทำการขยับความสูงของแฮนด์ให้สูงหรือต่ำ หรือหากเป็นสเต็มก็ให้คลายน๊อตแล้วค่อยๆปรับองศาของแฮนด์จนเราพอใจมากที่สุด ในเบื้องต้นให้เริ่มต้นจากตำแหน่งความสูงของแฮนด์เท่ากับความสูงของอาน จากนั้นเราลองปั่นไปสักระยะเพื่อหาความสูงที่เหมาะสมกับเราซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ทำให้เราอึดอัด ปวดเมื่อย แต่ข้อควรระวังคือไม่ให้สูงเกินระยะสูงสุดเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
ตำแหน่งความสูงของแฮนด์ก็มีความสำคัญของจักรยานพับอีกเช่นกัน เพราะต้องมีการปรับตำแหน่งทุกครั้งที่มีการพับเก็บหรือกางออก สำหรับจักรยานพับที่ปรับความสูงของแฮนด์ไม่ได้ ท่านอาจจะต้องซื้ออุปกรณ์ “สะเต็ม” เพื่อปรับหาตำแหน่งของแฮนด์ที่เหมาะกับตัวเรา แต่หากเราไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องซื้อมาใส่
ระดับความสูงของแฮนด์จักรยานจะเกี่ยวข้องกับท่าทางการปั่นของเราหรือมุมการก้มหรือเงยของลำตัวของเราในขณะปั่น มุมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และขึ้นอยุ่กับความเหมาะสมของสภาพการปั่น เช่นหากปั่นสบายๆ กินลมชมวิว อาจจะปรับให้สูงหน่อยเพื่อให้หลังตรงในขณะปั่น (ไม่ปวดหลังแต่อาจจะปวดก้นหากปั่นระยะทางไกล) แต่หากต้องการความเร็วก็ให้ปรับระดับแฮนด์ให้ต่ำเพื่อให้ร่างกายเราก้มต่ำเพื่อลู่ลมตามหลักแอโร่
ไดนามิกคล้ายๆ นักปั่นเสือหมอบ (แต่อาจจะทำให้ปวดคอได้)
การปรับความสูงก็แค่เพียงปลดล๊อกคอแฮนด์ แล้วทำการขยับความสูงของแฮนด์ให้สูงหรือต่ำ หรือหากเป็นสเต็มก็ให้คลายน๊อตแล้วค่อยๆปรับองศาของแฮนด์จนเราพอใจมากที่สุด ในเบื้องต้นให้เริ่มต้นจากตำแหน่งความสูงของแฮนด์เท่ากับความสูงของอาน จากนั้นเราลองปั่นไปสักระยะเพื่อหาความสูงที่เหมาะสมกับเราซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ทำให้เราอึดอัด ปวดเมื่อย แต่ข้อควรระวังคือไม่ให้สูงเกินระยะสูงสุดเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
5. มุมตำแหน่งก้านเบรคมือ
เมื่อเราปรับตำแหน่งการปั่นทุกอย่างข้างต้นเหมาะกับตัวเราดีแล้ว อย่าลืมเรื่องตำแหน่งของก้านเบรคมืออีกหนึ่งเรื่อง เพื่อทำให้เรามั่นใจว่าเราสามารถกำก้านเบรคได้ง่ายและสบายๆ และลดการบาดเจ็บหรือปวดเหมื่อยข้อมือเวลาปั่น
ให้นั่งบนจักรยาน วางเท้าไว้บนบันไดทั้งสองข้าง (ต้องอาศัยเพื่อนอีกตามเคย) จากนั้นวางนิ้วมือ (นิ้วชี้และนิ้วกลาง) ไว้บนก้านเบรค แล้วลองบีบก้านเบรคสักสองสามครั้ง ให้สังเกตุว่าในขณะที่เราบีบก้านเบรค มือของเราจะต้องอยู่ในแนวเดียวกับแขน ข้อมือจะต้องไม่หักขึ้นหรืองอลง เมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสมให้เราทำเครื่องหมายหรือจดจำต่ำแหน่งนี้เอาไว้เพราะในการกางจักรยานครั้งต่อไปเราจะได้ปรับต่ำแหน่งได้ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเราปรับตำแหน่งการปั่นทุกอย่างข้างต้นเหมาะกับตัวเราดีแล้ว อย่าลืมเรื่องตำแหน่งของก้านเบรคมืออีกหนึ่งเรื่อง เพื่อทำให้เรามั่นใจว่าเราสามารถกำก้านเบรคได้ง่ายและสบายๆ และลดการบาดเจ็บหรือปวดเหมื่อยข้อมือเวลาปั่น
ให้นั่งบนจักรยาน วางเท้าไว้บนบันไดทั้งสองข้าง (ต้องอาศัยเพื่อนอีกตามเคย) จากนั้นวางนิ้วมือ (นิ้วชี้และนิ้วกลาง) ไว้บนก้านเบรค แล้วลองบีบก้านเบรคสักสองสามครั้ง ให้สังเกตุว่าในขณะที่เราบีบก้านเบรค มือของเราจะต้องอยู่ในแนวเดียวกับแขน ข้อมือจะต้องไม่หักขึ้นหรืองอลง เมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสมให้เราทำเครื่องหมายหรือจดจำต่ำแหน่งนี้เอาไว้เพราะในการกางจักรยานครั้งต่อไปเราจะได้ปรับต่ำแหน่งได้ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเราทำการปรับตั้งจักรยานครบทั้ง 5 ขั้นตอนข้างต้นนี้แล้ว รับรองได้ว่าเราจะสามารถปั่นจักรยานได้สนุกมากขึ้น ลดอาการบาดเจ็บปวดเมื่อยที่เกิดจากการปั่นได้ แต่ทั้งนี้หากเรายังรู้สึกไม่สบายตัว ลองค่อยๆปรับจูนหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวเราให้มากที่สุด
ที่มา : http://foldingbikelovers.tumblr.com/post/64091775539